Case By Case รายละเอียดที่แตกต่างกัน ผลลัพธ์จึงแตกต่างกัน

ทำไมวีซ่าที่ยื่นไป  เอกสารครบพร้อม ถึงได้ถูกปฏิเสธ 

การพิจารณาวีซ่า  จะมีหลักการพิจารณาวีซ่า ที่เหมือนกัน  เป็นหัวข้อใหญ่ๆ  แต่รายละเอียดจะต่างกัน  ขออธิบายดังนี้ค่ะ


การพิจารณาวีซ่า  โดยเฉพาะวีซ่าท่องเที่ยว   พิจารณาจาก 


1.หลักฐานการเงิน
2.หลักฐานการงาน
3.หลักฐานความสัมพันธ์


Credit Picture : From Internet


บางเคส การตัดสินไม่เหมือนกัน พิจารณจากหลักฐานและสถานการณ์ที่ต่างกัน เพราะยื่นเอกสารต่างกัน กรณีต่างกัน และ Details ต่างกัน แต่เอามาวัดไม่ได้ว่า ทำไมบางคนยื่นแบบนี้ผ่าน บางคนไม่ยื่นก็ผ่าน ฉะนั้นเอกสารที่ต้องยื่น ให้เน้นตามเช็คลิสต์เป็นหลัก

☘️ ขณะเดียวกัน ใน Check list ระบุเอกสารที่ต้องยื่น แต่ละประเภทแตกต่างกันไปตามประเภทวีซ่า เช่น วีซ่าเยี่ยมแฟน บางคนยื่นใบรับรองโสด บางคนไม่ยื่นวีซ่าก็ผ่าน เพราะใบโสดคือใบรับรองสถานภาพว่าโสด หรือบางคนอาจยื่นใบหย่าแทน ปกติถ้าความสัมพันธ์ค่อนข้างแน่น มีการพบเจอกัน ระยะเวลาคบกันชัดเจน บางท่านยื่นครั้งแรกไม่ได้ใช้ตัวนี้วีซ่าก็ผ่าน แต่บางคนโดนขอเอกสารเพิ่ม แต่สุดท้ายก็ผ่าน ไม่ใช่แค่ใบโสดแต่เป็นเอกสารร่วมในการพิจารณา ครั้งแรกยื่นใบโสด ครั้งต่อไปไม่ได้ยื่นใบโสดผ่าน คือ สถานทูตเชื่อในความสัมพันธ์ของท่านกับแฟนท่าน

☘️ หรือบางท่าน ไม่ยื่นสเตทเม้นก็ผ่าน เพราะสามี/แฟนการันตีให้ และตัวท่านไม่ได้ทำงาน หรือติดกิจกรรมอื่นเลยไม่ได้ทำงาน แต่ความสัมพันธ์ชัดเจนดี คบกันพอสมควร

☘️ บางท่าน ยื่นสเตทเม้นแต่ไม่ผ่าน เพราะเงินในบัญชีน้อยไป หรือขอไปเที่ยวระยะเวลานานกว่าที่จะครอบคลุมเงินในบัญชี หรือเงินในบัญชีเข้ามาแบบปุบปับฉับพลัน ไม่ต่อเนื่อง นี่คือทุนทรัพย์ไม่พอเรื่องเดินทาง

☘️ บางท่าน ยื่นใบการันตี ยื่นสเตทเม้น แต่วีซ่าไม่ผ่าน เพราะความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน ชัดเจนแค่รายได้

☘️ บางท่านยื่นสเตทเม้นไม่ผ่าน เนื่องจากเงินไม่รู้ที่มาที่ไป เช่น ไม่สัมพันธ์กับจดหมายแนะนำตัว เช่น ไม่ได้ทำงาน แต่มีเงินใช้จ่าย (กรณีรวย พ่อแม่เป็นสปอนเซอร์ ขอไปเที่ยวก็ต้องเขียนรายละเอียดลงไป) สถานทูตตัดสินตามเอกสารไม่ทราบได้ว่าท่านเป็นคนรวย เป็นอธิการบดี หรือเป็นผู้มีชื่อเสียงทางสังคม ทุกอย่างพิจารณาที่เอกสาร

☘️ บางท่านสปอนเซอร์มาจากไหนไม่รู้ อยู่ๆ มาร่วมการันตี โดยไม่มีที่มาที่ไป วีซ่าไม่ผ่านเพราะสถานทูตไม่เชื่อว่าสปอนเซอร์มีความสัมพันธ์กับท่าน รู้จักท่าน และมีตัวตนจริง

☘️ บางท่านเยี่ยมญาติ เยี่ยมทุกปี เยี่ยมถี่ สถานทูตสงสัยว่าคงไม่ได้ไปเยี่ยมญาติอย่างเดียวอวีซ่าผ่านทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ผ่าน ทำไมถึงเยี่ยมบ่อย ไปทำอะไร และไม่มีกิจการหรืองานที่ไทยอย่างไร

☘️ บางท่าน ตั้งใจไปเยี่ยมแฟน แต่อธิบายและขอวีซ่าไปเยี่ยมเพื่อน (ยังอยู่ในภาวะไม่แน่ใจว่าที่คบกันนั้นเป็นแค่เพื่อนหรือแฟน) วีซ่าไม่ผ่าน เพราะขอผิดประเภท บุคคลนั้นคือแฟนไม่ใช่เพื่อน หรือยังรู้จักกันไม่นานพอที่จะเรียกแฟนเต็มปาก แต่ได้รับเชิญไปนอร์เวย์ ถ้าครั้งแรกแฟนมาไทยอยู่ไทยน้อยเกินไป ครั้งที่สองแฟนมาอีกรอบ วีซ่าจะผ่าน

☘️ บางคนผู้การันตีไม่ใช่แฟนก็ไม่ผ่าน แต่บางคนผ่าน กรณีคนอื่นการันตีแล้วผ่านสถานทูตเชื่อเรื่องความสัมพันธ์ของบุคคลนั้นกับท่าน เช่น เคยพบ เคยเห็น เคยคุย รู้จักกันดี

☘️ บางท่านทำแผนเดินทางไม่ดี แผนการจองโรงแรมไม่สอดคล้องกับแผนเดินทาง วีซ่าไม่ผ่าน เอกสารไม่พร้อม ไม่น่าเชื่อถือ หรือยื่นขอวีซ่ากระชั้นชิดมากๆ (บางท่านอาจผ่านแต่ได้วีซ่าหลังจากที่ได้จ่ายเงินค่าตั๋วจริงไปแล้ว)

☘️ บางท่าน ทำจดหมายเชิญขึ้นมาเองผ่าน บางท่านไม่ผ่าน สถานทูตให้ใช้แบบฟอร์มเฉพาะของนอร์เวย์เท่านั้น เพราะจดหมายที่ท่านทำขึ้นมาเอง รายละเอียดที่สถานทูตต้องการไม่มี สั้น ไม่มีที่มาที่ไป ขึ้นต้นลงท้าย รายละเอียดนิดหน่อยจบ...

☘️ บางท่านแฟนหัวรั้น เชื่อว่าเอกสารเท่านี้ๆ ยังไงก็ผ่าน เพราะเจ้าหน้าที่พิจารณาเป็นชาวนอร์เวย์ ชาติเดียวกันคุยกันเข้าใจ รู้เรื่อง ชาติเดียวกัน จะเห็นใจกัน เปล่าเลยสถานทูตพิจารณาจากเอกสาร ไม่ใช่จากอคติหรือความเห็นใจ ต่อให้เห็นใจก็ทำไม่ได้ เพราะต้องปฎิบัติตามกฎ 



Credit Picture : From Internet


🌷 แต่ละคนจะมี Details ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเอามาวัดกันไม่ได้ เพราะบางอย่าง เจ้าตัวทราบ แต่ท่านอาจไม่ทราบ และเจ้าตัวไม่ได้ประกาศให้ใครทราบ เช่น ใช้เอกสารปลอม หรือมีเจตนาอื่นๆ ในการยื่นขอวีซ่า มีเจตนาใช้วีซ่าท่องเที่ยวไปทำงาน เช่น นวด ฟาร์ม ร้านอาหาร ฯลฯ มีประวัติอาชญกรรม หรือเคยติดแบล็คลิสต์ ติดโทษ ล้มละลาย ฯลฯ

🌷 หากหลักฐานถูกต้องครบถ้วน ชัดเจน ไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ได้วีซ่า เจ้าหน้าที่จะพิจารณาจากเอกสารและสถานภาพเป็นหลัก

🌷 การปฎิเสธ ทำให้เสียอารมณ์ เสียเวลา เสียเงิน เสียแผนการเดินทาง ดังนั้นควรเตรียมตัวให้พร้อม บางท่านไม่อุธรณ์สมัครครั้งต่อไป ต้องแก้ไขข้อโต้แย้งที่ทางสถานทูตให้มา และเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม

🌷 ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นปกติของการปฎิเสธวีซ่า โดยเฉพาะวีซ่าเชงเก้น จะมีแบบฟอร์มที่เหมือนกันทุกประเทศในการปฎิเสธ พร้อมเหตุผลอธิบาย

🌷 ที่สำคัญใบการันตี ไม่ได้การันตีว่าท่านจะผ่านวีซ่า Not everyone who has a guarantor will be granted a visa. ซึ่งดูจากเอกสารหลักและเอกสารรอง ถ้ายื่นอุธรณ์ทำได้ภายใน 3 สัปดาห์

🌷 และเอกสารหลักที่ยื่นไป   ต้องมีก๊อปปี้เผื่อไว้ 1 ชุด   ถ้าท่านถูกปฎิเสธวีซ่า เอกสารต้นฉบับจะไม่ได้คืน เพราะสถานทูตเอาไว้ใช้เป็นหลักฐานกรณียื่นอุธรณ์ หรือถ้าเคสซับซ้อนเคสจะส่งไปที่ UDI



Credit Picture : From Internet


** การเสียค่าวีซ่าไม่ใช่เหตุผลที่ต้องได้วีซ่า.....**